Web3 คือวิสัยทัศน์ของอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ที่เน้นการกระจายอำนาจ ผู้ใช้มีสิทธิ์ในการควบคุมและเป็นเจ้าของข้อมูลมากขึ้น แทนที่จะพึ่งพาตัวกลางแบบรวมศูนย์ Web3 สร้างขึ้นบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งเป็นบัญชีแยกประเภทแบบกระจายอำนาจที่บันทึกธุรกรรมได้อย่างโปร่งใสและปลอดภัย
ที่หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนี้คือ "โทเค็น" (Tokens) ในบริบทของ Web3 โทเค็นคือสินทรัพย์ดิจิทัลที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชน ซึ่งสามารถเป็นตัวแทนของสิ่งต่างๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินดิจิทัล สิทธิ์การเข้าถึงบริการดิจิทัล หรือแม้กระทั่งความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์ทางกายภาพ
Web3 Token เป็นส่วนประกอบพื้นฐานของระบบนิเวศ Web3 โทเค็นเหล่านี้เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นและจัดการอยู่บนเครือข่ายบล็อกเชน ต่างจากสกุลเงินดิจิทัลแบบดั้งเดิม (เช่น Bitcoin) ที่ทำหน้าที่เป็นเพียงสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน โทเค็นใน Web3 มีความหลากหลายและสามารถมีฟังก์ชันการใช้งานที่ซับซ้อนได้มากขึ้น
ตัวอย่างของ Web3 Token ที่ได้รับความนิยมได้แก่:
การใช้โทเค็นใน Web3 ทำให้เกิดโมเดลทางเศรษฐศาสตร์แบบใหม่ที่เรียกว่า Token Economy ซึ่งโทเค็นถูกใช้เพื่อสร้างแรงจูงใจในการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ สนับสนุนการทำงานของเครือข่าย และเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่มีสภาพคล่องและการเข้าถึงที่สูงขึ้น
การสร้าง Web3 Token โดยทั่วไปแล้วเกี่ยวข้องกับการเขียนและ Deploy Smart Contract บนเครือข่ายบล็อกเชนที่รองรับ Smart Contract เช่น Ethereum, Binance Smart Chain (BSC), Polygon หรือ Solana ขั้นตอนหลักๆ มีดังนี้:
ก่อนที่จะเริ่มเขียนโค้ด Smart Contract คุณต้องตั้งค่าเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการพัฒนา Web3 ซึ่งรวมถึง:
การตั้งค่าสภาพแวดล้อมที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างราบรื่น
ใน Ethereum และ EVM-compatible blockchains มีมาตรฐานโทเค็นที่นิยมใช้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับประเภทของโทเค็นที่คุณต้องการสร้าง:
สำหรับผู้เริ่มต้น การสร้างโทเค็น ERC-20 เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจพื้นฐานของการพัฒนาโทเค็น
Smart Contract สำหรับโทเค็นมักเขียนด้วยภาษา Solidity (สำหรับ EVM blockchains) Smart Contract กำหนดกฎเกณฑ์และฟังก์ชันการทำงานของโทเค็น เช่น ชื่อ สัญลักษณ์ จำนวนรวมทั้งหมด (totalSupply) และฟังก์ชันสำหรับการโอน (transfer) หรือตรวจสอบยอดคงเหลือ (balanceOf)
การใช้ไลบรารีที่มี Smart Contract ที่ปลอดภัยและผ่านการทดสอบแล้ว เช่น OpenZeppelin ช่วยลดความเสี่ยงและประหยัดเวลาในการพัฒนา คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการใช้ Template ของ Smart Contract จาก OpenZeppelin และปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการของคุณ
// ตัวอย่างโครงสร้างพื้นฐานของ Smart Contract ERC-20 (โดย OpenZeppelin)
pragma solidity ^0.8.0;
import "@openzeppelin/contracts/token/ERC20/ERC20.sol";
contract MyToken is ERC20 {
constructor(uint256 initialSupply) ERC20("MyToken", "MTK") {
_mint(msg.sender, initialSupply);
}
}
หลังจากเขียน Smart Contract เสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการ Deploy Smart Contract ไปยังเครือข่ายบล็อกเชนที่ต้องการ การ Deploy Smart Contract ต้องใช้ Gas (ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบนบล็อกเชน)
คุณสามารถ Deploy Smart Contract ได้โดยใช้ Development Frameworks เช่น Hardhat หรือ Truffle โดยเชื่อมต่อกับ Node Provider และใช้ Wallet ของคุณในการอนุมัติธุรกรรม
เมื่อ Smart Contract ถูก Deploy แล้ว โทเค็นของคุณก็จะพร้อมใช้งานบนบล็อกเชน คุณสามารถจัดการโทเค็นได้ผ่านฟังก์ชันที่กำหนดไว้ใน Smart Contract เช่น การ Mint (สร้างโทเค็นใหม่) หรือ Burn (ทำลายโทเค็น)
สำหรับการสร้าง Web3 Application ที่โต้ตอบกับโทเค็น คุณจะต้องใช้ไลบรารี JavaScript เช่น Web3.js หรือ Ethers.js เพื่อเชื่อมต่อ Frontend ของแอปพลิเคชันกับ Smart Contract บนบล็อกเชน ไลบรารีเหล่านี้ช่วยให้คุณสามารถเรียกใช้ฟังก์ชันต่างๆ ของ Smart Contract ตรวจสอบยอดคงเหลือ หรือติดตามเหตุการณ์ (Events) ที่เกิดขึ้นบนบล็อกเชนได้
แผนภาพแสดงการทำงานของ Web3 Token
มีเครื่องมือและแพลตฟอร์มมากมายที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้าง Web3 Token ทำให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่อาจจะยังไม่เชี่ยวชาญในการเขียน Smart Contract:
ชื่อเครื่องมือ/แพลตฟอร์ม | ประเภท | คุณสมบัติ | เหมาะสำหรับ |
---|---|---|---|
OpenZeppelin | Library | Smart Contracts มาตรฐานที่ปลอดภัย (ERC-20, ERC-721, ฯลฯ) | นักพัฒนาทุกระดับ |
Hardhat | Development Environment | เฟรมเวิร์กสำหรับ Compile, Deploy, Test และ Debugging Smart Contracts | นักพัฒนา |
Truffle | Development Environment | เฟรมเวิร์กสำหรับการพัฒนา dApp และ Smart Contracts | นักพัฒนา |
Remix | IDE บนเว็บ | เครื่องมือสำหรับเขียน Compile และ Deploy Smart Contracts ได้โดยตรงจากเบราว์เซอร์ | ผู้เริ่มต้นและนักพัฒนา |
Moralis | Web3 API Platform | ให้บริการ API สำหรับดึงข้อมูลบนบล็อกเชน สร้าง dApp และจัดการ Token Operations | นักพัฒนา (ช่วยลดความซับซ้อน) |
thirdweb | Web3 Development Platform | มี SDK, Smart Contracts ที่พร้อมใช้งาน และ Tools ต่างๆ สำหรับสร้าง Web3 App และ Tokens ได้รวดเร็ว | นักพัฒนาทุกระดับ (เน้นความรวดเร็ว) |
Token Tool (เช่น Bitbond) | Token Creation Platform (No-code) | สร้างโทเค็นได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ด เพียงกำหนดค่าต่างๆ บนเว็บ | ผู้เริ่มต้นและผู้ที่ไม่ใช่นักพัฒนา |
แพลตฟอร์มแบบ No-code หรือ Low-code เช่น Token Tool ช่วยให้บุคคลทั่วไปสามารถสร้างโทเค็นได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด Smart Contract มากนัก เพียงแค่ระบุรายละเอียดของโทเค็นที่ต้องการ เช่น ชื่อ สัญลักษณ์ และจำนวนรวมทั้งหมด
หลังจากสร้าง Web3 Token ของคุณแล้ว มีวิธีการนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของโครงการ:
การกระจายโทเค็นสามารถทำได้หลายวิธี เช่น Initial Coin Offering (ICO), Security Token Offering (STO), Airdrops หรือการให้รางวัลแก่ผู้ใช้สำหรับการมีส่วนร่วมในเครือข่าย
วิดีโอสอนการสร้างแอปพลิเคชัน Web3 แบบ Token-Gated
วิดีโอข้างต้นแสดงตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Web3 Token ในการสร้างแอปพลิเคชันที่จำกัดการเข้าถึงเนื้อหาสำหรับผู้ที่ถือโทเค็นหรือ NFT ซึ่งเป็นหนึ่งใน Use Case ที่น่าสนใจของ Web3
แม้ว่าการสร้าง Web3 Token จะมีศักยภาพสูง แต่ก็มีความท้าทายและข้อควรพิจารณาที่สำคัญ:
ไม่จำเป็นต้องเป็นนักพัฒนาที่มีประสบการณ์สูงเสมอไป แม้ว่าการเขียน Smart Contract ด้วยตัวเองจะต้องการความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม (โดยเฉพาะ Solidity) แต่ก็มีแพลตฟอร์มแบบ No-code/Low-code ที่ช่วยให้ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานการเขียนโค้ดสามารถสร้างโทเค็นพื้นฐานได้ อย่างไรก็ตาม หากต้องการสร้างโทเค็นที่มีฟังก์ชันที่ซับซ้อน การทำงานร่วมกับนักพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญเป็นสิ่งแนะนำ
การเลือกบล็อกเชนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ค่าธรรมเนียม (Gas Fee), ความเร็วในการทำธุรกรรม, ความนิยมของเครือข่าย, ระบบนิเวศของนักพัฒนา, และความต้องการของโครงการ หากต้องการสร้างโทเค็นบนบล็อกเชนที่ใหญ่และมีผู้ใช้งานมาก Ethereum เป็นตัวเลือกที่นิยม แต่ค่าธรรมเนียมอาจสูง Layer 2 Solutions หรือบล็อกเชนอื่นๆ เช่น BSC, Polygon, Solana, Casper Network ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าและความเร็วที่สูงกว่า
ระยะเวลาในการสร้างโทเค็นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิธีการและความซับซ้อน หากใช้แพลตฟอร์มแบบ No-code อาจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการสร้างโทเค็นพื้นฐาน แต่หากต้องเขียน Smart Contract ด้วยตัวเองและทำการทดสอบ อาจใช้เวลาตั้งแต่หลายชั่วโมงถึงหลายวัน หรือนานกว่านั้นสำหรับโครงการที่ซับซ้อน
ค่าใช้จ่ายหลักในการสร้างโทเค็นคือ Gas Fee ในการ Deploy Smart Contract บนบล็อกเชน ค่าธรรมเนียมนี้แตกต่างกันไปในแต่ละบล็อกเชนและตามความหนาแน่นของเครือข่ายในช่วงเวลานั้น นอกจากนี้อาจมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าใช้บริการ Node Provider หรือค่าธรรมเนียมของแพลตฟอร์มในการสร้างโทเค็น