พระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อว่า "กฎหมาย DPS" (Digital Platform Services) ได้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2566 โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อยกระดับความโปร่งใส ความเป็นธรรม และการคุ้มครองผู้บริโภคในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย กฎหมายฉบับนี้มุ่งเน้นการกำกับดูแลผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนการทำธุรกรรมและปฏิสัมพันธ์ทางออนไลน์ในปัจจุบัน เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และผู้ใช้งานจะได้รับประโยชน์สูงสุด
กฎหมาย DPS มีขอบเขตการบังคับใช้ที่ชัดเจน โดยมุ่งเน้นไปที่ผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ทำหน้าที่เป็น "สื่อกลางทางอิเล็กทรอนิกส์" ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการ ผู้บริโภค หรือผู้ใช้บริการ เพื่อให้เกิดธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่ไม่ได้ครอบคลุมผู้ซื้อหรือผู้ขายรายย่อยที่ใช้งานแพลตฟอร์มโดยตรง
กลุ่มหลักที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือ ผู้ให้บริการหรือผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งรวมถึงทั้งแพลตฟอร์มไทยและต่างชาติที่ให้บริการแก่ผู้ใช้ในประเทศไทย ตัวอย่างเช่น:
โดยทั่วไปแล้ว แพลตฟอร์มที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีสำหรับแพลตฟอร์มทั่วไป หรือเข้าข่ายเป็นแพลตฟอร์มที่มีความเสี่ยงสูงตามเกณฑ์ที่กำหนด จะต้องแจ้งข้อมูลการประกอบธุรกิจต่อ ETDA
สิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจคือ กฎหมาย DPS ไม่ได้บังคับใช้กับ:
การจำแนกนี้ช่วยให้กฎหมายมุ่งเน้นการกำกับดูแลที่ต้นตอของบริการ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมในระดับโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจดิจิทัล
สำหรับธุรกิจออนไลน์ที่เข้าข่ายเป็นผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล การเตรียมความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย DPS ได้อย่างถูกต้องและหลีกเลี่ยงผลกระทบทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้น ETDA ได้แนะนำแนวทางปฏิบัติหลายประการดังนี้:
ภาพประกอบ: ETDA เร่งรัดผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัลแจ้งข้อมูลภายใต้กฎหมาย DPS
การปฏิบัติตามกฎหมาย DPS ไม่เพียงแต่เป็นการหลีกเลี่ยงบทลงโทษ แต่ยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและความมั่นใจให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งส่งผลดีต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว
เพื่อสรุปผลกระทบและแนวทางการเตรียมตัวสำหรับธุรกิจออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย DPS ตารางต่อไปนี้จะนำเสนอภาพรวมที่ชัดเจนของกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบและสิ่งที่พวกเขาต้องดำเนินการ
ผู้ได้รับผลกระทบ | คำจำกัดความ | สิ่ง/หน้าที่ที่ต้องเตรียมตัว/ปฏิบัติ | ตัวอย่าง |
---|---|---|---|
ผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล (ไทย/ต่างชาติ) | ผู้ให้บริการสื่อกลางทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีรายได้เกินเกณฑ์ที่กำหนด (เช่น 1.8 ล้านบาท/ปี) หรือเข้าข่ายความเสี่ยง | แจ้งข้อมูลกับ ETDA (ชื่อธุรกิจ, ประเภทบริการ, ข้อมูลติดต่อ, ผู้ถือหุ้น) ตรวจสอบคุณสมบัติและประเภทแพลตฟอร์ม (15 ประเภท) เตรียมเอกสารและข้อมูลตามกฎหมาย ปฏิบัติตามมาตรฐานและกฎเกณฑ์ (คุ้มครองผู้บริโภค, เปิดเผยข้อมูล, ความปลอดภัย) มีมาตรการเยียวยาและช่องทางร้องเรียน มีแผนจัดการเมื่อเลิกประกอบธุรกิจ |
Shopee, Netflix, Grab, Agoda, Line Man |
ธุรกิจออนไลน์ขนาดเล็ก-กลาง-ใหญ่ | ธุรกิจทุกขนาดที่ดำเนินงานในลักษณะแพลตฟอร์มดิจิทัล | ประเมินธุรกิจว่าเข้าข่ายหรือไม่ (ใช้เครื่องมือ ETDA) ทำความเข้าใจสาระสำคัญของกฎหมาย พัฒนาระบบและมาตรการภายในให้สอดคล้อง ติดตามข่าวสารและประกาศจาก ETDA |
แพลตฟอร์ม SME ที่มีฟังก์ชันสื่อกลาง, สื่อสังคมที่มีฟังก์ชัน E-commerce |
แพลตฟอร์มต่างชาติที่ให้บริการในไทย | แพลตฟอร์มที่มีสำนักงานนอกประเทศไทย แต่ให้บริการแก่ผู้ใช้ในไทย | แจ้งข้อมูลกับ ETDA ปฏิบัติตามกฎหมายไทยเทียบเท่าแพลตฟอร์มในประเทศ |
Facebook (สำหรับบริการที่เข้าข่าย), TikTok (สำหรับบริการที่เข้าข่าย) |
ผู้ซื้อ/ผู้ขายรายบุคคล (ที่ไม่ใช่แพลตฟอร์ม) | บุคคลทั่วไปที่ใช้บริการซื้อ/ขายบนแพลตฟอร์ม ไม่ใช่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเอง | ไม่ต้องแจ้งข้อมูลภายใต้กฎหมาย DPS ได้รับประโยชน์จากมาตรการคุ้มครองที่แพลตฟอร์มต้องจัดให้มี |
ผู้ซื้อสินค้าบน Lazada, พ่อค้าแม่ค้าไลฟ์สดบน TikTok (หากไม่ได้สร้างแพลตฟอร์มเอง) |
กฎหมาย DPS มีบทบาทสำคัญในการปรับสมดุลและสร้างความเชื่อมั่นในระบบนิเวศดิจิทัลของประเทศไทย เพื่อให้เห็นภาพรวมของผลกระทบที่เกิดขึ้น เราสามารถใช้ Radar Chart เพื่อวิเคราะห์ความสำคัญและผลลัพธ์ที่คาดหวังจากกฎหมายนี้ในมิติต่างๆ
จาก Radar Chart ด้านบน เราจะเห็นได้ว่ากฎหมาย DPS มีความสำคัญอย่างยิ่งในด้าน 'การปฏิบัติตามกฎหมาย' และ 'ความรับผิดชอบของแพลตฟอร์ม' ซึ่งสะท้อนถึงการบังคับใช้และการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจดิจิทัล ในขณะที่ 'การคุ้มครองผู้บริโภค' และ 'การลดการฉ้อโกง' ก็เป็นมิติที่กฎหมายมุ่งเน้นและคาดว่าจะส่งผลกระทบเชิงบวกอย่างมาก ผลกระทบต่อธุรกิจที่ต้องแจ้งแม้จะมีภาระในการปรับตัว แต่ก็มีแนวโน้มที่ดีในด้าน 'ความโปร่งใส' และ 'ความรับผิดชอบของแพลตฟอร์ม' ในระยะยาว ส่วนผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์อย่างชัดเจนในด้าน 'การคุ้มครอง' และ 'ความน่าเชื่อถือ' ในการใช้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล.
การบังคับใช้กฎหมาย DPS ถือเป็นการพัฒนาที่สำคัญสำหรับระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่น่าเชื่อถือและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจออนไลน์ นี่คือประโยชน์หลักที่กฎหมายนี้มอบให้:
จากแผนภาพ Mindmap เราจะเห็นว่าประโยชน์ของกฎหมาย DPS แผ่ขยายไปในหลายมิติ ตั้งแต่การสร้างความโปร่งใสในการดำเนินงานของแพลตฟอร์ม ไปจนถึงการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเป็นระบบ ซึ่งรวมถึงการจัดให้มีช่องทางร้องเรียนและมาตรการเยียวยา นอกจากนี้ กฎหมายยังช่วยส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมในตลาด โดยบังคับใช้มาตรฐานเดียวกันกับแพลตฟอร์มทุกขนาดและจากทุกแหล่งที่มา ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งหมดนี้จะนำไปสู่การยกระดับความรับผิดชอบของผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม และสร้างความเชื่อมั่นโดยรวมในการทำธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลไทย
เพื่อทำความเข้าใจกฎหมาย DPS อย่างลึกซึ้งและรับรู้ถึงแนวปฏิบัติที่ถูกต้อง ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถศึกษาเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการของ ETDA (สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบการบังคับใช้กฎหมายนี้
วิดีโอ "5 คำถามที่คนอยากรู้เกี่ยวกับ DPS (Digital Platform Service)" จากช่อง ETDA Thailand เป็นแหล่งข้อมูลที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมาย DPS ในเบื้องต้น วิดีโอนี้จะช่วยตอบข้อสงสัยพื้นฐานเกี่ยวกับกฎหมายแพลตฟอร์มดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานที่ดูแล บริการที่เข้าข่าย และประเด็นสำคัญว่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์รายย่อยไม่จำเป็นต้องแจ้งข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการและผู้ใช้งานทั่วไปมีความเข้าใจที่ถูกต้องและลดความสับสนที่อาจเกิดขึ้น
กฎหมายพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 หรือกฎหมาย DPS นับเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการจัดระเบียบและยกระดับมาตรฐานของระบบนิเวศดิจิทัล กฎหมายนี้มุ่งเน้นการกำกับดูแลผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความโปร่งใส ความเป็นธรรม และที่สำคัญที่สุดคือการคุ้มครองผู้บริโภคที่ทำธุรกรรมและใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ ธุรกิจที่เข้าข่าย ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่หรือเล็ก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จะต้องเตรียมความพร้อมในการแจ้งข้อมูลกับ ETDA ปรับปรุงมาตรการภายใน และจัดให้มีช่องทางในการคุ้มครองและเยียวยาผู้ใช้งาน การปฏิบัติตามกฎหมายนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจหลีกเลี่ยงผลกระทบทางกฎหมาย แต่ยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งจะนำไปสู่ตลาดดิจิทัลที่แข็งแกร่งและเป็นธรรมสำหรับทุกคน.