Chat
Ask me anything
Ithy Logo

ทฤษฎีเกม: การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์และแง่มุมของการประยุกต์ใช้ในเศรษฐศาสตร์

ไขความลับของการตัดสินใจเชิงโต้ตอบและผลกระทบต่อโลกเศรษฐกิจ

game-theory-economics-research-1fa2oteu

ไฮไลท์สำคัญของทฤษฎีเกมในเศรษฐศาสตร์

  • รากฐานทางคณิตศาสตร์สู่การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์: ทฤษฎีเกมคือกรอบทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้มีอำนาจตัดสินใจที่มีเหตุผล โดยศึกษาว่าผู้เล่นเหล่านี้คาดการณ์และตอบสนองต่อการกระทำของผู้อื่นอย่างไร
  • เครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์: ทฤษฎีเกมได้กลายเป็นเครื่องมือมาตรฐานในสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ ช่วยให้นักเศรษฐศาสตร์เข้าใจพฤติกรรมในตลาดที่แข่งขันไม่สมบูรณ์ เช่น ตลาดผูกขาดโดยผู้ขายน้อยราย (oligopoly) รวมถึงการกำหนดราคา การเจรจาต่อรอง และพฤติกรรมของผู้บริโภค
  • ขอบเขตการประยุกต์ใช้ที่กว้างขวาง: นอกเหนือจากเศรษฐศาสตร์ ทฤษฎีเกมยังถูกนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายสาขา เช่น วิทยาการคอมพิวเตอร์ วิทยาศาสตร์ระบบ ตรรกศาสตร์ ชีววิทยา และรัฐศาสตร์ เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ที่การตัดสินใจของหลายฝ่ายมีความสัมพันธ์กัน

ทำความเข้าใจแก่นแท้ของทฤษฎีเกม

ทฤษฎีเกมเป็นสาขาหนึ่งของคณิตศาสตร์ประยุกต์ที่ใช้ศึกษาปฏิสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ระหว่างผู้มีอำนาจตัดสินใจที่มีเหตุผล หรือที่เรียกว่า "ผู้เล่น" แนวคิดหลักคือการวิเคราะห์สถานการณ์ที่ผลลัพธ์ของการตัดสินใจของบุคคลหนึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้อื่น ทฤษฎีนี้เริ่มต้นขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมทางเศรษฐกิจ แต่ก็ได้ขยายขอบเขตไปสู่สาขาวิชาสังคมศาสตร์อื่นๆ อย่างกว้างขวาง

การพัฒนาทฤษฎีเกมอย่างเป็นทางการเริ่มต้นขึ้นจากผลงานของนักคณิตศาสตร์ John von Neumann และนักเศรษฐศาสตร์ Oskar Morgenstern ในปี 1944 ด้วยหนังสือชื่อ Theory of Games and Economic Behavior พวกเขายืนยันว่าคณิตศาสตร์ที่พัฒนาขึ้นสำหรับวิทยาศาสตร์กายภาพ ซึ่งอธิบายการทำงานของธรรมชาติที่ไม่สนใจใครนั้น เป็นแบบจำลองที่ไม่เหมาะสมสำหรับเศรษฐศาสตร์ เนื่องจากเศรษฐศาสตร์มีความคล้ายคลึงกับเกมที่ผู้เล่นคาดการณ์การเคลื่อนไหวของกันและกัน

ทฤษฎีเกมให้มุมมองเชิงโครงสร้างในการทำความเข้าใจปฏิสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ โดยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมการแข่งขัน กลยุทธ์การกำหนดราคา การเจรจาต่อรอง และอื่นๆ อีกมากมาย ด้วยการจำลองปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจเป็นเกม นักเศรษฐศาสตร์สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ และคาดการณ์ผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

องค์ประกอบพื้นฐานของเกม

ในการวิเคราะห์เกมใดๆ จำเป็นต้องเข้าใจองค์ประกอบหลักสามประการ ได้แก่ ผู้เล่น กลยุทธ์ และผลตอบแทน:

  • ผู้เล่น: บุคคล กลุ่ม หรือหน่วยงานที่ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
  • กลยุทธ์: แผนการดำเนินการที่ครบถ้วนซึ่งกำหนดทางเลือกของผู้เล่นในทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
  • ผลตอบแทน (Payoffs): ผลลัพธ์หรือรางวัลที่ผู้เล่นได้รับจากชุดกลยุทธ์ที่เลือก ซึ่งมักจะแสดงในรูปของอรรถประโยชน์หรือกำไร

นอกจากนี้ แนวคิดสำคัญอีกประการหนึ่งคือสมดุลของแนช (Nash Equilibrium) ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีผู้เล่นคนใดสามารถปรับปรุงผลตอบแทนของตนได้ด้วยการเปลี่ยนกลยุทธ์เพียงฝ่ายเดียว โดยที่กลยุทธ์ของคู่แข่งยังคงเดิม


การประยุกต์ใช้ทฤษฎีเกมในงานวิจัยเศรษฐศาสตร์

ทฤษฎีเกมได้ปฏิวัติการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ โดยให้กรอบการทำงานสำหรับการทำความเข้าใจสถานการณ์ที่การตัดสินใจของบุคคลส่งผลกระทบต่อกันและกัน นี่คือบางส่วนของการประยุกต์ใช้ที่สำคัญที่สุดในเศรษฐศาสตร์:

การวิเคราะห์ตลาดและการแข่งขัน

การผูกขาดโดยผู้ขายน้อยราย (Oligopoly)

ทฤษฎีเกมเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์พฤติกรรมของบริษัทในตลาดผูกขาดโดยผู้ขายน้อยราย ซึ่งมีบริษัทจำนวนน้อยรายที่ครองตลาด การตัดสินใจเรื่องราคาและปริมาณการผลิตของบริษัทหนึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความต้องการและกำไรของบริษัทอื่นๆ ในสถานการณ์เช่นนี้ ทฤษฎีเกมช่วยให้นักเศรษฐศาสตร์สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ของการแข่งขันด้านราคา การร่วมมือ (collusion) หรือการทำสงครามราคา (price wars) ได้

ภาพแสดงกราฟของสงครามราคาในตลาดผูกขาดโดยผู้ขายน้อยราย

สงครามราคาที่เป็นไปได้ในตลาดผูกขาดโดยผู้ขายน้อยราย โดยแสดงถึงผลตอบแทนที่บริษัทต่างๆ อาจได้รับ

การเข้าสู่ตลาดและการกีดกันการเข้าสู่ตลาด (Entry Deterrence)

ทฤษฎีเกมสามารถใช้เพื่อศึกษาการตัดสินใจของบริษัทใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาด และกลยุทธ์ของบริษัทเดิมในการกีดกันการเข้าสู่ตลาด ตัวอย่างเช่น บริษัทเดิมอาจขู่ว่าจะทำสงครามราคาหากมีบริษัทใหม่เข้ามา เพื่อทำให้การเข้าสู่ตลาดไม่น่าสนใจ การวิเคราะห์นี้ช่วยให้เข้าใจถึงการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่บริษัทต่างๆ ใช้เพื่อรักษาหรือขยายส่วนแบ่งการตลาด

พฤติกรรมผู้บริโภคและการเลือก

แม้ว่าทฤษฎีเกมจะเน้นที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่น แต่ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อทำความเข้าใจการตัดสินใจของผู้บริโภคได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการเลือกของผู้บริโภคมีความสัมพันธ์กัน ตัวอย่างเช่น ในสถานการณ์เครือข่ายสังคม หรือการตัดสินใจซื้อสินค้าที่ขึ้นอยู่กับว่าคนอื่นจะซื้ออะไร

การออกแบบกลไกและการประมูล

การออกแบบกลไก (Mechanism Design) เป็นสาขาหนึ่งของทฤษฎีเกมที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบกฎของเกมเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการ ซึ่งมักจะนำไปใช้ในการออกแบบการประมูล (Auctions) เพื่อให้ผู้ขายได้รับราคาที่ดีที่สุด และผู้ซื้อได้รับสินค้าที่ยุติธรรม การประมูลเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของเกมที่มีผู้เล่นจำนวนมากและมีข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์

เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม

ทฤษฎีเกมพฤติกรรม (Behavioral Game Theory) ผสมผสาน insights จากจิตวิทยาเข้ากับทฤษฎีเกมแบบดั้งเดิม เพื่ออธิบายว่ามนุษย์ตัดสินใจอย่างไรในสถานการณ์เชิงกลยุทธ์ ซึ่งมักจะแตกต่างจากสมมติฐานของ "ผู้เล่นที่มีเหตุผล" โดยสมบูรณ์ สาขาใหม่นี้ช่วยให้นักวิจัยเข้าใจความเบี่ยงเบนจากพฤติกรรมที่คาดการณ์ไว้ตามทฤษฎีและปรับปรุงแบบจำลองทางเศรษฐศาสตร์ให้สมจริงยิ่งขึ้น

การวิเคราะห์สถานการณ์ที่ซับซ้อน

ทฤษฎีเกมไม่เพียงแต่ใช้กับตลาดเท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อนอื่นๆ เช่น:

  • การเจรจาต่อรอง: การวิเคราะห์กระบวนการเจรจาต่อรองระหว่างผู้เล่นหลายคน เพื่อทำความเข้าใจผลลัพธ์ที่เป็นไปได้และกลยุทธ์ที่ใช้
  • การจัดการทรัพยากร: การประยุกต์ใช้ทฤษฎีเกมในการจัดสรรทรัพยากรที่จำกัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพหรือบรรลุเป้าหมายร่วมกัน
  • ปัญหาทางสังคม (Social Dilemmas): การวิเคราะห์สถานการณ์ที่การกระทำส่วนบุคคลที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่เหมาะสมสำหรับกลุ่มโดยรวม เช่น ปัญหานักโทษลำบากใจ (Prisoner's Dilemma) ซึ่งเป็นตัวอย่างคลาสสิก

พลวัตของทฤษฎีเกม: การพัฒนาและแนวคิดหลัก

ทฤษฎีเกมไม่ได้หยุดนิ่ง แต่มีการพัฒนาและขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีนักเศรษฐศาสตร์หลายคนได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์จากการมีส่วนร่วมในสาขานี้

ประเภทของเกม

ทฤษฎีเกมจำแนกเกมออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะของปฏิสัมพันธ์และข้อมูล:

  • เกมความร่วมมือและไม่ร่วมมือ (Cooperative vs. Non-Cooperative Games):
    • เกมความร่วมมือ: ผู้เล่นสามารถสร้างข้อตกลงที่ผูกพันและบังคับใช้ได้ เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน
    • เกมไม่ร่วมมือ: ผู้เล่นแต่ละคนกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว และไม่สามารถสร้างข้อตกลงที่ผูกพันได้
  • เกมผลรวมเป็นศูนย์และผลรวมไม่เป็นศูนย์ (Zero-Sum vs. Non-Zero-Sum Games):
    • เกมผลรวมเป็นศูนย์: ผลประโยชน์ของผู้เล่นคนหนึ่งคือความสูญเสียของผู้เล่นอีกคนหนึ่ง โดยผลรวมของผลตอบแทนทั้งหมดเป็นศูนย์
    • เกมผลรวมไม่เป็นศูนย์: ผลรวมของผลตอบแทนไม่จำเป็นต้องเป็นศูนย์ ผู้เล่นทั้งหมดอาจได้รับผลตอบแทนหรือสูญเสียพร้อมกันได้
  • เกมสมมาตรและไม่สมมาตร (Symmetric vs. Asymmetric Games):
    • เกมสมมาตร: ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ที่ใช้ ไม่ใช่ว่าใครเป็นผู้เล่น
    • เกมไม่สมมาตร: ผลตอบแทนแตกต่างกันไปตามผู้เล่น
  • เกมข้อมูลสมบูรณ์และไม่สมบูรณ์ (Perfect vs. Imperfect Information Games):
    • เกมข้อมูลสมบูรณ์: ผู้เล่นทราบการเคลื่อนไหวทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
    • เกมข้อมูลไม่สมบูรณ์: ผู้เล่นไม่ทราบการเคลื่อนไหวทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้า หรือมีข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์เกี่ยวกับคู่แข่ง
  • เกมลำดับและพร้อมกัน (Sequential vs. Simultaneous Games):
    • เกมลำดับ: ผู้เล่นเคลื่อนไหวทีละคน โดยผู้เล่นในลำดับถัดไปทราบการเคลื่อนไหวของผู้เล่นก่อนหน้า
    • เกมพร้อมกัน: ผู้เล่นตัดสินใจพร้อมกัน โดยไม่ทราบการตัดสินใจของผู้อื่น

บทบาทของสมดุลแนช

สมดุลแนช (Nash Equilibrium) เป็นแนวคิดการแก้ปัญหาที่สำคัญที่สุดในทฤษฎีเกม โดยระบุชุดของกลยุทธ์ที่ผู้เล่นแต่ละคนเลือกกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง โดยพิจารณาจากกลยุทธ์ที่ผู้เล่นคนอื่นเลือก ไม่มีผู้เล่นคนใดสามารถได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้นด้วยการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์เพียงฝ่ายเดียว

เพื่อแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายและบทบาทของทฤษฎีเกมในการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจ เราสามารถใช้แผนภาพเรดาร์เพื่อเปรียบเทียบแนวคิดหลักในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน:

แผนภาพเรดาร์ด้านบนแสดงให้เห็นว่าลักษณะของเกมต่างๆ มีความแตกต่างกันอย่างไรในมิติหลักของทฤษฎีเกม ตัวอย่างเช่น ตลาดผูกขาดโดยผู้ขายน้อยราย แสดงให้เห็นระดับการแข่งขันและการตัดสินใจพร้อมกันที่สูง ในขณะที่ ปัญหานักโทษลำบากใจ เน้นที่ความร่วมมือที่อาจเกิดขึ้นและข้อมูลที่สมบูรณ์ การ ประมูล มีลักษณะการตัดสินใจพร้อมกันและการแข่งขันสูง แต่มีข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่งที่ไม่สมบูรณ์ และการ เจรจาต่อรองการค้าระหว่างประเทศ เน้นที่ความร่วมมือแต่ยังคงมีการแข่งขันและข้อมูลที่หลากหลาย


กรณีศึกษาและตัวอย่างในโลกแห่งความเป็นจริง

การประยุกต์ใช้ทฤษฎีเกมในเศรษฐศาสตร์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงทฤษฎีเท่านั้น แต่ยังใช้เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์จริงที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจ นโยบายสาธารณะ และแม้กระทั่งพฤติกรรมระหว่างประเทศ

กลยุทธ์ทางธุรกิจ

ในโลกธุรกิจ บริษัทต่างๆ ใช้ทฤษฎีเกมเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับราคา ผลิตภัณฑ์ และการลงทุน:

สถานการณ์ทางธุรกิจ แนวคิดทฤษฎีเกมที่เกี่ยวข้อง ผลลัพธ์ที่คาดการณ์/Insight
การกำหนดราคาของคู่แข่ง เกมไม่ร่วมมือ, สมดุลแนช บริษัทต่างๆ อาจลดราคาเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด แต่ก็อาจนำไปสู่สงครามราคาที่ทุกคนเสียหายได้
การร่วมมือในตลาดผูกขาดโดยผู้ขายน้อยราย เกมความร่วมมือ, ปัญหานักโทษลำบากใจ บริษัทอาจพยายามร่วมมือกันเพื่อรักษาราคาให้สูง แต่แรงจูงใจในการโกงมีอยู่เสมอ ทำให้ความร่วมมือไม่ยั่งยืน
การลงทุนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) เกมพร้อมกัน, ข้อมูลไม่สมบูรณ์ บริษัทต่างๆ ต้องตัดสินใจลงทุน R&D โดยไม่รู้ว่าคู่แข่งจะทำอะไร ซึ่งอาจนำไปสู่การลงทุนที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป
การเข้าสู่ตลาดใหม่ เกมลำดับ, การกีดกันการเข้าสู่ตลาด บริษัทใหม่ต้องประเมินว่าบริษัทเดิมจะตอบสนองอย่างไร (เช่น ลดราคาอย่างรุนแรง) ก่อนตัดสินใจเข้าสู่ตลาด

ตารางนี้แสดงให้เห็นว่าทฤษฎีเกมช่วยให้นักวิเคราะห์สามารถสร้างแบบจำลองและทำความเข้าใจความซับซ้อนของการตัดสินใจทางธุรกิจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างไร

นโยบายสาธารณะ

ทฤษฎีเกมยังมีบทบาทสำคัญในการออกแบบและประเมินนโยบายสาธารณะ ตัวอย่างเช่น:

  • นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม: รัฐบาลสามารถใช้ทฤษฎีเกมเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของประเทศต่างๆ ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมักเป็นปัญหาที่คล้ายกับปัญหานักโทษลำบากใจ
  • การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ: การออกแบบกฎระเบียบสำหรับการใช้ทรัพยากรที่ใช้ร่วมกัน เช่น การประมงหรือแหล่งน้ำ เพื่อป้องกันการใช้ที่มากเกินไป
  • นโยบายการแข่งขัน: หน่วยงานกำกับดูแลใช้ทฤษฎีเกมเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมต่อต้านการแข่งขันของบริษัท และกำหนดนโยบายเพื่อส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม

ภาพรวมจากผู้เชี่ยวชาญ: ทฤษฎีเกมกับการประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง

สำหรับผู้ที่ต้องการทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ทฤษฎีเกมในสถานการณ์จริง วิดีโอนี้ให้ภาพรวมที่เข้าถึงง่ายและครอบคลุม:

วิดีโออธิบายพื้นฐานและแง่มุมการประยุกต์ใช้ทฤษฎีเกมในโลกแห่งความเป็นจริง (Understanding Game Theory - Fundamentals and Real World Applications)

วิดีโอนี้ช่วยเสริมความเข้าใจว่าทฤษฎีเกมไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดทางทฤษฎีเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่มีคุณค่าสำหรับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในสถานการณ์จริงที่หลากหลาย ตั้งแต่ธุรกิจไปจนถึงนโยบายสาธารณะ และแม้แต่ในชีวิตประจำวัน


ความท้าทายและข้อจำกัด

แม้ว่าทฤษฎีเกมจะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ก็มีข้อจำกัดและข้อสมมติฐานที่สำคัญ:

  • สมมติฐานความมีเหตุผล (Rationality Assumption): ทฤษฎีเกมส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่าผู้เล่นมีเหตุผลและต้องการเพิ่มผลตอบแทนของตนให้สูงสุด อย่างไรก็ตาม ในโลกแห่งความเป็นจริง ผู้คนอาจไม่ได้มีเหตุผลเสมอไป หรือมีอคติทางพฤติกรรมที่ส่งผลต่อการตัดสินใจ
  • ข้อมูลและสมมติฐานที่สมบูรณ์: แบบจำลองเกมจำนวนมากต้องการข้อมูลที่สมบูรณ์เกี่ยวกับผลตอบแทนและกลยุทธ์ของผู้อื่น ซึ่งมักจะไม่สามารถหาได้ในสถานการณ์จริง
  • ความซับซ้อน: เมื่อจำนวนผู้เล่นหรือกลยุทธ์เพิ่มขึ้น ความซับซ้อนของเกมจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การวิเคราะห์และหาทางออกทำได้ยากขึ้น
  • การเปลี่ยนแปลงในโลกแห่งความเป็นจริง: แบบจำลองทฤษฎีเกมเป็นแบบคงที่ (static) หรือมีพลวัตจำกัด ซึ่งอาจไม่สามารถจับภาพการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของปฏิสัมพันธ์ในโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างสมบูรณ์

แนวโน้มในอนาคตของการวิจัยทฤษฎีเกมในเศรษฐศาสตร์

การวิจัยในทฤษฎีเกมยังคงดำเนินต่อไป โดยพยายามแก้ไขข้อจำกัดและขยายขอบเขตการประยุกต์ใช้:

  • ทฤษฎีเกมเชิงพฤติกรรม (Behavioral Game Theory): การรวม insights จากจิตวิทยาและพฤติกรรมศาสตร์เพื่อสร้างแบบจำลองที่สมจริงยิ่งขึ้นว่าผู้คนตัดสินใจอย่างไรเมื่อมีอคติทางพฤติกรรม
  • ทฤษฎีเกมเชิงวิวัฒนาการ (Evolutionary Game Theory): การศึกษาว่ากลยุทธ์ที่ดีที่สุดเกิดขึ้นได้อย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยสมมติฐานเกี่ยวกับความมีเหตุผลที่สมบูรณ์
  • ทฤษฎีเกมเชิงคำนวณ (Computational Game Theory): การพัฒนาอัลกอริทึมและวิธีการทางคอมพิวเตอร์เพื่อวิเคราะห์เกมที่ซับซ้อนมากเกินกว่าจะแก้ไขด้วยมือได้
  • การประยุกต์ใช้ในสาขาใหม่: การขยายการประยุกต์ใช้ทฤษฎีเกมไปยังสาขาใหม่ๆ เช่น การเงิน, การจัดการห่วงโซ่อุปทาน, ปัญญาประดิษฐ์, และวิทยาศาสตร์ข้อมูล

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ทฤษฎีเกมคืออะไร?
ทฤษฎีเกมคือกรอบทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ระหว่างผู้มีอำนาจตัดสินใจที่มีเหตุผล โดยแต่ละคนพยายามที่จะเพิ่มผลตอบแทนของตนให้สูงสุด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้อื่น ทฤษฎีนี้ช่วยให้เข้าใจการตัดสินใจที่ซับซ้อนในสถานการณ์ที่มีการพึ่งพาอาศัยกัน
ทำไมนักเศรษฐศาสตร์ถึงใช้ทฤษฎีเกม?
นักเศรษฐศาสตร์ใช้ทฤษฎีเกมเพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมในตลาดที่แข่งขันไม่สมบูรณ์ (เช่น ตลาดผูกขาดโดยผู้ขายน้อยราย) การกำหนดราคา การเจรจาต่อรอง พฤติกรรมของผู้บริโภค และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ของบริษัทและรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการตัดสินใจของฝ่ายหนึ่งส่งผลกระทบต่อฝ่ายอื่นๆ
สมดุลของแนชคืออะไร?
สมดุลของแนชเป็นแนวคิดการแก้ปัญหาในทฤษฎีเกมที่ระบุสถานการณ์ที่ผู้เล่นทุกคนเลือกกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง โดยพิจารณาจากกลยุทธ์ที่ผู้เล่นคนอื่นเลือกแล้ว ในสมดุลนี้ ไม่มีผู้เล่นคนใดสามารถได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้นด้วยการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์เพียงฝ่ายเดียว
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ทฤษฎีเกมในเศรษฐศาสตร์มีอะไรบ้าง?
ตัวอย่างที่พบบ่อยได้แก่ การวิเคราะห์ตลาดผูกขาดโดยผู้ขายน้อยราย (เช่น การแข่งขันด้านราคา การร่วมมือ) การตัดสินใจเข้าสู่ตลาดของบริษัท การออกแบบการประมูล และการทำความเข้าใจปัญหาทางสังคม เช่น ปัญหานักโทษลำบากใจ ซึ่งสะท้อนถึงความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม

คำแนะนำเพิ่มเติม


แหล่งอ้างอิง

en.wikipedia.org
Game theory - Wikipedia
research.chalmers.se
PDF
faculty.econ.ucdavis.edu
[PDF] GAME THEORY. Third Edition

Last updated May 21, 2025
Ask Ithy AI
Download Article
Delete Article